ฐานที่ ๑ : แบบจำลองฝายชะลอน้ำ
ฝาย เป็นสิ่งที่ถูกสร้างขึ้นด้วยฝีมือมนุษย์ ทำไว้สำหรับช่วยกักเก็บน้ำและชะลอการไหลเวียนของน้ำได้ดี ป้องกันน้ำท่วมจากแม่น้ำลำธารได้ดี โดยเฉพาะฤดูฝนที่เสี่ยงต่อกระแสน้ำที่รุนแรง อีกทั้งยังช่วยปกป้องหน้าดินช่วยลดการพังทลายของหน้าดินได้เป็นอย่างดี ปกติเราจะเห็นฝายกั้นน้ำส่วนใหญ่จะถูกสร้างบริเวณ ลำห้วย, ลำธารขนาดเล็กในช่วงต้นน้ำ แถมยังช่วยกักเก็บตะกอนได้อีกด้วย แถมยังช่วยคงความชุ่มชื่นได้เป็นเวลายาวนาน สร้างประโยชน์ต่อสิ่งมีชีวิตพื้นที่มากมาย อย่าง แมลง สัตว์ป่า พันธุ์พืชนานาชนิดได้เป็นอย่างดี พร้อมด้วยกักเก็บน้ำไว้ในใช้งานได้ฤดูแล้งได้เป็นอย่างดีเยี่ยม

1. แนวคิดและหลักการของฝายต้นน้ำลำธาร
1.1. แนวคิดความคิดในการอนุรักษ์น้ำ ตามวัฎจักรน้ำตามธรรมชาติ (Hydrological cycle) น้ำตามธรรมชาติมาจากน้ำฝน ซึ่งการเกิดขึ้นของฝนเกิดจากปัจจัยสำคัญ คือ ไอน้ำในบรรยากาศ ปริมาณไอน้ำในบรรยากาศมีแหล่งกำเนิดใหญ่ ๆ คือ
การระเหยของน้ำในทะเลปริมาณ 875 ลูกบาศก์กิโลเมตรต่อวัน
ไอน้ำจากในทะเลจำนวน 775 ลูกบาศก์กิโลเมตร กลายเป็นฝนตกในทะเล
ไอน้ำอีกจำนวน 100 ลูกบาศก์กิโลเมตร จะถูกพัดพาเข้าสู่ผืนแผ่นดิน
การคายระเหยของน้ำบนผืนแผ่นดิน จะเกิดขึ้นในปริมาณ 165 ลูกบาศก์กิโลเมตรต่อวัน ในจำนวนทั้งหมดนี้จะเป็นไอน้ำที่ได้จากการระเหยจากต้นไม้ถึง 90 %
ไอน้ำบนผืนแผ่นดินผสมรวมกับไอน้ำจากพื้นทะเลกลายเป็นไอน้ำทั้งหมด 265 ลูกบาศก์กิโลเมตรต่อวัน และกลายเป็นฝนตกลงบนผืนแผ่นดิน
เป็นที่น่าสังเกตว่าปริมาณน้ำฝนบนผืนแผ่นดินในปัจจุบันมีปริมาณลดลง และมีแนวโน้มลดน้อยลงจนทำให้เกิดสภาวะการขาดแคลนน้ำใช้ เพื่อการอุปโภคบริโภคของมวลมนุษย์การที่ปริมาณน้ำฝนลดลงเช่นนี้ส่วนหนึ่งเป็นเพราะปริมาณไอน้ำจากการคายระเหยบนผืนแผ่นดินลดลงเพราะป่าไม้ถูกทำลายลงเป็นจำนวนมาก ซึ่งผืนป่าเป็นแหล่งใหญ่ในการเกิดคายน้ำเข้าสู่ชั้นบรรยากาศ เพราะปริมาณไอน้ำ 90 % จะได้จากต้นไม้ เมื่อปริมาณไอน้ำลดลงปริมาณน้ำฝนที่เกิดขึ้นก็มีปริมาณลดลงตามด้วยเมื่อสภาวะเป็นดังนี้ ถ้าเราสามารถชะลอให้น้ำฝนตามธรรมชาติที่ตกลงมาอยู่บนผืนแผ่นดินยาวนานมากขึ้น ก่อนที่ปริมาณน้ำไหลบ่าเหล่านั้นจะไหลสูญเสียออกไปจากระบบ โดยที่ไม่สามารถคายระเหยกลับคืนสู่ชั้นบรรยากาศได้ การทำฝายชะลอการไหลของน้ำจะเป็นส่วนช่วยสร้างความชุ่มชื้นในดินได้มากขึ้น จะเป็นการทดแทนไอน้ำในส่วนของการคายระเหยจากต้นไม้ ดังนั้นการคืนไอน้ำเข้าสู่ระบบน้ำธรรมชาติก็จะดีขึ้นช่วยให้ปริมาณน้ำธรรมชาติมากขึ้น
1.2. แนวความคิดในการป้องกันอันตราย มนุษย์ได้เผชิญกับภัยธรรมชาติอันเกิดขึ้นจากความรุนแรงของการไหล่บ่าของน้ำ ส่งผลให้เกิดความเสียหายแก่ทรัพย์สิน และพื้นที่ประกอบการเพาะปลูก เช่น ความรุนแรงของการไหลของน้ำทำให้บ้านเรือนสิ่งปลูกสร้างได้รับความเสียหาย พังทลาย พื้นที่การเพาะปลูกเกิดการทับถมจากดินตะกอนที่ไหลมากับน้ำทำให้พื้นที่ทำกินขาดประสิทธิภาพการจัดทำฝายต้นน้ำ เพื่อการชะลอการไหลน้ำไว้เป็นระยะ ๆ จะช่วยทำให้น้ำไหลช้าลง ทำให้ลดความรวดเร็วและความรุนแรงในการไหลของน้ำ เป็นการลดและป้องกันการสูญเสียทรัพย์สินจากการไหลกระแทก อันเนื่องจากความแรงจากการไหลของน้ำ นอกจากนี้ทำให้โอกาสการกัดเซาะดินลดน้อยลง เป็นการลดการสูญเสียดินให้ไหลไปทับถมแหล่งน้ำให้ตื้นเขิน เช่น การตื้นเขินในลำห้วย การตื้นเขินของอ่างเก็บน้ำ และเป็นตะกอนหินดินลงไปทับถมพื้นที่เกษตรกรรม จนเกิดเป็นความเสียหายต่อแหล่งพื้นที่ทำกิน1.3. แนวความคิดในการใช้ประโยชน์น้ำ เนื่องจากน้ำมีความสำคัญต่อวิถีการดำรงชีวิตของมนุษย์ทั้งการบริโภค อุปโภค การใช้น้ำเพื่อการเพาะปลูก การอุตสาหกรรมและนับวันมนุษย์ยิ่งมีความต้องการน้ำมากขึ้น มนุษย์มีวิวัฒนาการในการเรียนรู้เพื่อจัดการทรัพยากรน้ำเพื่อการใช้ประโยชน์มาตั้งแต่อดีตแนวความคิดในการใช้ฝายเป็นที่กักเก็บน้ำขนาดเล็ก ในลักษณะตุ่มน้ำเล็ก ๆ กระจายทั่วพื้นที่ เพื่อกักเก็บน้ำเพื่อประโยชน์ทั้งการสร้างความชุ่มชื้น เพื่อการอนุรักษ์และพัฒนาระบบนิเวศน์ การเกษตร การใช้สอยอุปโภค บริโภค
2. วัตถุประสงค์ของฝายต้นน้ำลำธาร
ฝายต้นน้ำลำธารในระบบการจัดการพื้นที่ลุ่มน้ำ มีวัตถุประสงค์หลัก 2 ประการ คือ
– เพื่อชะลอการไหลของน้ำจากแหล่งต้นน้ำลำธาร มิให้ไหลหลากอย่างรวดเร็ว
– เพื่อทำหน้าที่ในการดักตะกอนหน้าดิน มิให้ไหลปนไปกับกระแสน้ำจนทำให้น้ำมีความขุ่นข้น และไปทำให้แหล่งน้ำธรรมชาติที่อยู่ด้านล่างต้องตื้นเขิน
3. รูปแบบของฝายต้นน้ำลำธาร
เนื่องจากบริเวณพื้นที่ลุ่มน้ำที่เป็นแหล่งต้นน้ำลำธารส่วนใหญ่ จะอยู่ในพื้นที่ดอยสูง ไม่มีเส้นทางถนนเข้าถึงได้ เป็นพื้นที่ที่อยู่ห่างไกล ดังนั้น พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร จึงทรงมีพระราชดำริให้ใช้วัสดุที่มีอยู่ในท้องถิ่นนั้น ๆ มาใช้ในการก่อสร้างฝายต้นน้ำลำธาร เช่น เศษไม้ ปลายไม้ที่ล้มหมอนนอนไพร ซึ่งหมายถึงไม้ที่ล้มตายอยู่บริเวณนั้น หรือ ไม้ไผ่ที่มีอยู่ในบริเวณใกล้เคียง หรือ หินที่มีอยู่ในลำห้วย นำมาใช้ในการก่อสร้างฝายต้นน้ำลำธารตามรูปแบบภูมิปัญญาดั้งเดิม
การขนย้ายวัสดุจากภายนอกขึ้นไปบนดอยบนเขา ต้องมีการลงทุนมาก หรือการตัดถนนขึ้นไปบนดอยบนเขาเพื่อขนวัสดุขึ้นไปก่อสร้างฝายต้นน้ำลำธาร จะเป็นการทำลายต้นไม้ พืชพรรณ เกิดการสูญเสียความหลากหลาย และไม่คุ้มค่า รูปแบบฝายต้นน้ำลำธาร จึงเป็นรูปแบบที่ประหยัดไม่ต้องใช้เงินงบประมาณในการซื้อวัสดุ หรืออาจจะมีการใช้วัสดุบ้างก็เป็นการลงทุนที่ไม่มาก และฝายต้นน้ำลำธารเป็นฝายตามภูมิปัญญาดั้งเดิมถ้าชุมชนทำความเข้าใจวัตถุประสงค์และเป้าหมายของการสร้างฝายต้นน้ำลำธารได้อย่างเข้าใจแล้ว ชุมชนก็สามารถดำเนินการได้โดยชุมชนเอง โดยลักษณะของลุ่มน้ำ ซึ่งลักษณะส่วนใหญ่เป็นพื้นที่ภูเขา และมีร่องน้ำ ร่องห้วยตั้งแต่ร่องน้ำขนาดเล็ก ๆ ที่อยู่บนพื้นที่สูง ร่องน้ำขนาดเล็ก ๆ นี้จะมีน้ำไหลน้อยเมื่อไหลมารวมกันหลายร่องน้ำก็จะมีขนาดที่ใหญ่เพิ่มมากขึ้น และเมื่อมีการไหลมารวมกันหลาย ๆ สายมากขึ้น ปริมาณน้ำก็จะมีมากขึ้น ขนาดร่องน้ำ ร่องห้วยก็จะมีขนาดใหญ่มากขึ้นลักษณะการเกิดของลำห้วยสายหลักในพื้นที่ลุ่มน้ำ จะมีลักษณะการเกิดจากการรวมตัวของร่องน้ำร่องห้วยแขนงที่มีขนาดเล็กที่อยู่ในลำดับแรก ๆ หรืออยู่บนพื้นที่สูงของลุ่มน้ำ ไหลมารวมกันเป็นกิ่งก้านสาขา จนกลายเป็นลำห้วยสายหลัก สามารถจำแนกรูปแบบฝายต้นน้ำลำธารได้ 3 รูปแบบ คือ
1) ฝายผสมผสาน มีรูปแบบเหมาะสมกับร่องห้วยหรือลำห้วยแขนง
2) ฝายกึ่งถาวร รูปแบบที่มีความแข็งแรงมากขึ้น เหมาะสำหรับร่องห้วยที่มีขนาดใหญ่กว่าห้วยแขนง
3) ฝายถาวร รูปแบบที่แข็งแรง เหมาะสำหรับลำห้วยใหญ่ที่มีน้ำไหลแรง
4. ประเภทของฝายต้นน้ำลำธาร
4.1. การสร้างฝายต้นน้ำรูปแบบผสมผสาน มีลักษณะต่าง ๆ ตามวัสดุ ความเหมาะสมกับการทำหน้าที่ ได้แก่
ฝายไม้แนวเดี่ยว เป็นฝายขนาดเล็กกั้นร่องห้วยที่มีขนาดเล็ก ไม่ลึกมากนัก สัณฐานลำห้วยค่อนข้างราบไม่ชันมาก น้ำไหลไม่แรงมากนัก สร้างโดยวัสดุที่หาได้ในท้องถิ่น เช่น ไม้ไผ่ ไม้ลูกล่ำ กิ่งไม้ ข้อจำกัด คือ การชะลอน้ำได้เพียงชั่วระยะหนึ่ง ไม่สามารถเก็บน้ำได้นาน น้ำที่ขังบริเวณหน้าฝายจะแห้งก่อนถึงฤดูแล้ง ไม่มีความคงทนถาวร ข้อดี คือ สร้างง่าย ใช้เวลาก่อสร้างไม่นาน สามารถไปสร้างบริเวณต้นน้ำได้ง่าย
ฝายไม้แกนดิน เป็นฝายกลางกั้นร่องห้วยที่มีขนาดปานกลาง กว้างความลึกไม่มากนัก เป็นฝายที่มีความแข็งแรงมากขึ้นจากรูปแบบแรก ก่อสร้างโดยวัสดุไม้ ไม้ไผ่ที่หาได้ในท้องถิ่น ทำแนวกั้นเป็นกำแพงไม้สองแนวตรงกลางอัดด้วยดินเป็นแกน ขนาดกว้างของสันแกนประมาณ 1.5 - 2.0 เมตร และด้านท้ายมีค้ำยันเสริมรับแรงกระแทกในการไหลของน้ำ ลักษณะลำห้วยจะมีขนาดความลึกและความกว้างมากกว่าแบบแรก ข้อจำกัด คือ อายุการใช้งานสั้น มีการผุพังได้ง่าย การชะลอน้ำได้เพียงชั่วระยะหนึ่ง ไม่สามารถเก็บน้ำได้นาน หินที่ทับหลังฝายถ้าหินขนาดเล็กจะไหลไปตามแรงน้ำ ควรใช้หินที่มีขนาดใหญ่พอสมควรทับหลังฝาย เพื่อเป็นการกดหน้าดินไว้ ไม่ให้น้ำกัดเซาะหน้าดิน ข้อดี คือ สามารถใช้วัสดุในท้องถิ่นได้ สร้างง่าย ใช้เวลาก่อสร้างไม่นาน
ฝายคอกหมู มีลักษณะเป็นฝายไม้แกนดินหลาย ๆ ฝายเรียงต่อติดกัน โดยมีความสูงลดหลั่นกันลงมาตามความเหมาะสมของขนาดลำน้ำและความสูงของตลิ่งห้วยที่ทำการก่อสร้างฝาย ข้อจำกัด คือ การก่อสร้างใช้เวลา 1 – 2 วันต่อ 1 ฝาย ใช้วัสดุอุปกรณ์จำนวนมาก เช่น ไม้ไผ่ ดิน หิน ข้อดี คือ มีความทนทานในการรับความรุนแรงของน้ำได้ดี (กรณีที่สร้างแบบถูกต้อง) สามารถชะลอน้ำบริเวณหน้าฝายได้ดีกว่าฝายไม้แนวเดี่ยวและฝายไม้แกนดิน ข้อดี คือ สามารถใช้วัสดุในท้องถิ่นที่หาได้ง่าย
ฝายหินเรียง โดยการใช้หินที่มีอยู่ในลำห้วยเรียงเป็นชั้น ๆ ขวางลำห้วย ใช้หินก้อนใหญ่วางเป็นฐานเพื่อความแข็งแรง และใช้หินขนาดลดหลั่นกันลงมาวางเรียงเป็นรูปฝายที่มีความลาดเทรับแรงกระแทกของน้ำด้านหน้าฝาย และลาดเทลงด้านท้ายฝายโดยมีความลาดมากกว่าด้านหน้าฝายเพื่อป้องกัน การกัดเซาะฐานฝาย ข้อจำกัด คือ ถ้าทำไม่ถูกต้องตามหลักการสร้างฝาย จะมีผลทำให้น้ำลอดใต้ตัวฝายได้ เนื่องจากไม่มีการขุดร่องแกนของตัวฝาย และหากหินที่ทับหลังฝายถ้าหินขนาดเล็กจะไหลไปตามแรงน้ำ ข้อดี คือ ถ้าเลือกลำห้วยที่มีหินอยู่แล้ว สามารถสร้างฝายได้ง่ายและรวดเร็ว
ฝายประยุกต์ เป็นการประยุกต์ใช้วัสดุอุปกรณ์อื่น ๆ เช่น การใช้ถุงปุ๋ยบรรจุดินกรวดในร่องห้วยแล้วนำมาเรียงเป็นรูปฝายกั้นลำห้วย หรือการประยุกต์เทปูนฉาบลงบนฝายเรียงด้วยถุงดินทราย ซึ่งเป็นการใช้ภูมิปัญญาในการนำวัสดุอุปกรณ์ที่ชุมชนสามารถหาได้มาใช้ในการก่อสร้าง ข้อจำกัด คือ ถ้าทำไม่ถูกต้องตามหลักการสร้างฝาย จะมีผลทำให้น้ำลอดใต้ตัวฝายได้ เนื่องจากไม่มีการขุดร่องแกนของตัวฝาย วัสดุที่นำมาใช้ชำรุดได้ง่าย หากตัวฝายไม่ทึบน้ำจะเกิดน้ำรั่วจากตัวฝายได้ ไม่สามารถเก็บน้ำไว้ได้ถึงช่วงฤดูแล้ง ข้อดี คือ สามารถประยุกต์ ดัดแปลง ให้เหมาะสมกับงบประมาณและวัสดุในพื้นที่
4.2. ฝายต้นน้ำลำธารแบบกึ่งถาวร
ฝายหินเรียงแกนดินหรือดินเหนียว โดยบดอัดแกนดินให้แน่นแล้วใช้หินทิ้งขนาดกลางเรียงทับแกนดินให้เป็นรูปฝายที่มีลักษณะคล้ายหลังเต่า ฝายรูปแบบนี้จะมีลักษณะกึ่งถาวร มีความแข็งแรงสามารถรองรับความแรงของน้ำในลำห้วยที่มีความลาดชันปานกลางถึงค่อนข้างสูง ข้อจำกัด คือ ถ้าทำไม่ถูกต้องตามหลักการสร้างฝาย จะมีผลทำให้น้ำลอดใต้ตัวฝายได้ เนื่องจากไม่มีการขุดร่องแกนของตัวฝาย แม้จะทำอย่างมั่นคงและแข็งแรงก็ตาม ข้อดี คือ เก็บน้ำและดักตะกอนหน้าฝายได้มากและนานขึ้น อายุการใช้งานของฝายนาน
ฝายหินก่อ ใช้วัสดุหิน กรวดทราย ก่อรูปหินด้วยปูนซีเมนต์เป็นรูปคล้ายสี่เหลี่ยมคางหมู และก่อพื้นท้ายน้ำป้องกันการกัดเซาะฐานฝายท้ายน้ำ ข้อจำกัด คือ ไม่เหมาะกับการสร้างในพื้นที่ใกล้บริเวณต้นน้ำหรือยอดเขา เนื่องจากต้องมีการขนย้ายวัสดุอุปกรณ์จำนวนมาก มีค่าใช้จ่ายสูง การก่อสร้างใช้เวลา 2 – 3 วันต่อ 1 ฝาย ข้อดี คือ มีความมั่นคง แข็งแรง สามารถเก็บน้ำได้ดี
4.3. ฝายต้นน้ำลำธารแบบถาวร ฝายคอนกรีตเสริมเหล็ก มีการออกแบบเฉพาะ มีความแข็งแรงทนทาน การดำเนินการก่อสร้างต้องมีข้อพิจารณาพิเศษ เพราะเป็นฝายที่มีค่าใช้จ่ายสูงกว่าฝายประเภทอื่น ๆ ข้อจำกัด คือ มีค่าใช้จ่ายสูง ตัวฝายต้องมีการออกแบบจากช่างที่มีความรู้ในด้านการก่อสร้างฝายโดยตรง ทำเลที่จะสร้างฝายเป็นบริเวณท้ายน้ำ ข้อดี คือ มีความมั่นคง แข็งแรง สามารถจะใช้ประโยชน์จากฝายได้เป็นอย่างดี เช่น การเก็บกักตะกอนบริเวณหน้าฝาย ระยะเวลาการเก็บกักน้ำได้นานกว่าฝายทุกประเภท
5. ข้อคำนึงการดำเนินการก่อสร้างฝาย ดำเนินการในพื้นที่ที่ผ่านการวิเคราะห์พื้นที่และ มีการสำรวจกำหนดจุด ออกแบบประเภทฝายต้นน้ำลำธารไว้แล้ว ซึ่งในการดำเนินการก่อสร้างฝายต้นน้ำลำธาร ควรคำนึง คือ
ระยะเวลาในการดำเนินการก่อสร้างฝายต้นน้ำลำธาร ควรดำเนินการให้แล้วเสร็จก่อนฤดูฝน ทั้งนี้เมื่อถึงฤดูฝนฝายต้นน้ำลำธารจะได้ทำหน้าที่ได้ทันที
การดำเนินการก่อสร้าง ควรเริ่มดำเนินการก่อสร้างจากห้วยแขนงเล็ก ๆ ที่อยู่ด้านบนของพื้นที่ลุ่มน้ำก่อน แล้วจึงค่อย ๆ ก่อสร้างลดหลั่นกันลงมาด้านล่างของลำห้วย เมื่อมีน้ำไหลลงมาจากพื้นที่ต้นน้ำลำธาร ซึ่งเป็นที่สูง ฝายต้นน้ำลำธารตัวแรกก็จะทำหน้าที่ในการชะลอการไหลของน้ำ และลดหลั่นกันลงมาตามความสูง ซึ่งจะทำให้อัตราการไหลของน้ำไม่รุนแรง
เป้าหมายของฝายต้นน้ำลำธาร คือ เพื่อการฟื้นฟูระบบนิเวศลุ่มน้ำ ดังนั้น ร่องน้ำร่องห้วยแขนงเพื่อการดำเนินการก่อสร้างนั้น จึงมีลักษณะเป็นร่องน้ำร่องห้วยแห้งที่ไม่มีน้ำไหลในฤดูแล้ง พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร ทรงมีพระราชดำริว่า การสร้างฝายต้นน้ำลำธารจะต้องสร้างในลำห้วยแห้งไม่มีน้ำไหลให้กลับมามีน้ำไหลอย่างสมบูรณ์
ดำเนินการไปทีละพื้นที่ลุ่มน้ำ การก่อสร้างฝายต้นน้ำลำธาร ให้บรรลุเป้าหมายได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยจะต้องดำเนินการไปทีละพื้นที่ลุ่มน้ำ และก่อสร้างในร่องน้ำร่องห้วยตามความจำเป็นที่ได้สำรวจไว้ ทั้งรูปแบบและจำนวนฝายต้นน้ำลำธาร มิใช่การก่อสร้างฝายต้นน้ำลำธารกระจัดกระจายหลายพื้นที่ลุ่มน้ำ และมีจำนวนฝายเพียงลำห้วยละฝาย หรือ มีจำนวนฝายไม่เพียงพอแก่การทำหน้าที่ในการชะลอการไหลของน้ำ และดักตะกอนหน้าดิน การดำเนินการเช่นนี้ จะไม่ช่วยให้เกิดประโยชน์ และไม่บรรลุผลเป็นไปตามเป้าหมายของการใช้ฝายต้นน้ำลำธารเพื่อการฟื้นฟูระบบนิเวศลุ่มน้ำ
6. การบำรุงรักษาฝายต้นน้ำลำธาร
สำรวจตะกอนดินหน้าฝายต้นน้ำลำธารทุกหลังฤดูฝน ถ้าตะกอนหน้าดินมีจำนวนมาก ควรตักออก เพื่อให้หน้าฝายต้นน้ำลำธารสามารถทำหน้าที่ในการดักตะกอนหน้าดินในฤดูกาลต่อไปได้ โดยไม่ทำให้หน้าฝายตื้นเขินและไม่ทำให้เกิดการเปลี่ยนทิศทางในการไหลของน้ำซึ่งจะส่งผลเสียต่อสภาพพื้นที่ต้นน้ำลำธาร
บำรุงรักษาอย่างต่อเนื่อง ฝายต้นน้ำลำธารที่สร้างด้วยวัสดุท้องถิ่น ไม้ไผ่เศษไม้ปลายไม้ จะมีอายุใช้งานได้ดีประมาณ 3–5 ปี โดยการซ่อมแซมส่วนที่ชำรุด หรือสร้างเสริมฝายใหม่ ให้มีสภาพที่สามารถทำหน้าที่ได้อย่างดี และช่วยยืดอายุฝายต้นน้ำลำธารให้ทำหน้าที่ได้นานมากยิ่งขึ้น
พิจารณาถึงเหตุผลความจำเป็น เมื่อฝายต้นน้ำลำธารนั้น มีสภาพที่ไม่สามารถทำหน้าที่ได้แล้ว และสภาพนิเวศลุ่มน้ำบริเวณนั้นฟื้นกลับมามีความอุดมสมบูรณ์แล้ว ก็ต้องพิจารณาถึงเหตุผลความจำเป็นว่าฝายต้นน้ำลำธาร ณ จุดนั้นยังมีความจำเป็นอยู่อีกหรือไม่ ถ้ายังคงมีความจำเป็นอยู่ก็ต้องดำเนินการปรับปรุง สร้างเสริม หรือสร้างตัวใหม่ทดแทน
การจัดการเพื่อเป็นการเตรียมวัสดุท้องถิ่น ที่จะนำไปใช้ในการซ่อมแซม หรือการดำเนินการก่อสร้างฝายต้นน้ำลำธารของชุมชน เช่น การปลูกไม้โตเร็ว การปลูกไผ่ หรือการจัดการป่าไม้ธรรมชาติให้มีความอุดมสมบูรณ์ ปลอดภัยจากภัยอันตราย ทั้งนี้เพื่อเป็นการช่วยลดการสร้างผลกระทบที่จะทำให้เกิดการสูญเสียหรือเกิดการเปลี่ยนแปลงในระบบธรรมชาติ
การต่อท่อกระจายน้ำจากฝายต้นน้ำลำธาร พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร ทรงมีพระราชดำริ ว่า เมื่อก่อสร้างฝายต้นน้ำลำธารขึ้นใหม่ ๆ ฝายต้นน้ำลำธารจะมีลักษณะน้ำซึมผ่านได้ ไม่สามารถเก็บกักน้ำได้ แต่เมื่อฝายต้นน้ำลำธารได้ทำหน้าที่ในการชะลอการไหลของน้ำ และดักตะกอนหน้าดินไปเป็นเวลา 2 – 3 ปี แล้วฝายต้นน้ำลำธารจะมีตะกอนดินมาอุดหน้าฝาย และจะทำให้เกิดการเก็บกักน้ำไว้ได้ เมื่อฝายต้นน้ำลำธารสามารถเก็บกักน้ำไว้ได้ ให้ใช้ไม้ไผ่ต่อเป็นท่อกระจายน้ำจากฝายต้นน้ำลำธารนั้นเข้าสู่ผืนป่าด้านข้างให้เกิดการกระจายความชุ่มชื้นสู่ป่าไม้ทำให้ต้นไม้เจริญเติบโตได้ดีเป็นวงกว้างมากขึ้น
7. การจัดการบริเวณพื้นที่สร้างฝายต้นน้ำลำธาร
ปลูกแฝกป้องกันการพังทลายและการชะล้างตะกอนหน้าดิน บริเวณพื้นที่ริมตลิ่งร่องน้ำร่องห้วยที่มีความลาดชัน รวมทั้งบริเวณพื้นที่ลุ่มน้ำด้านบนฝายด้วย
ปลูกไม้เสริมบริเวณสองฝั่งตลิ่ง เมื่อฝายต้นน้ำลำธารชะลอการไหลของน้ำแล้ว จะช่วยทำให้ดินเกิดความชุ่มชื้น ควรพิจารณาปลูกไม้เสริมบริเวณสองฝั่งตลิ่งที่มีความชุ่มชื้น จะทำให้ระบบนิเวศลุ่มน้ำฟื้นตัวได้เร็วขึ้น
การทำแนวป้องกันไฟป่า ในฤดูแล้ง เพื่อป้องกันอันตรายที่จะเกิดกับฝายต้นน้ำลำธาร และสภาพป่าธรรมชาติ
ส่งเสริมให้ชุมชนจัดเก็บข้อมูล เพื่อให้เกิดการเรียนรู้เรื่องฝายต้นน้ำลำธาร การเปลี่ยนแปลงสภาพธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมพื้นที่ต้นน้ำลำธาร
8. สรุปผลการศึกษาทดลองวิจัยการดำเนินการพัฒนาป่าต้นน้ำห้วยฮ่องไคร้
การฟื้นฟูสภาพป่าต้นน้ำลำธารห้วยฮ่องไคร้ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร ทรงมีพระราชดำริกำหนดเป็นหลักการในการดำเนินการพัฒนาป่า 3 วิธี ปรากฏผลการเปลี่ยนแปลงให้เห็นเป็นรูปธรรม สรุปได้ดังนี้
8.1. ชนิดป่าดั้งเดิมที่เป็นป่าเต็งรังกลายสภาพไปสู่ป่าเบญจพรรณ จากสภาพเดิมป่าเบญจพรรณที่มีอยู่ไม่เกิน 20% ของพื้นที่ลุ่มน้ำเพิ่มขึ้น ในปัจจุบันเป็นป่าเบญจพรรณถึง 48% ของพื้นที่ลุ่มน้ำ
8.2. ชนิดพรรณไม้ ในพื้นที่โครงการจากเดิมมีอยู่ 35 ชนิดพรรณ เพิ่มมากขึ้น คือ พื้นที่พัฒนาป่าด้วยระบบชลประทาน เพิ่มเป็น 60 ชนิด พื้นที่พัฒนาป่าด้วยฝายต้นน้ำเพิ่มเป็น 80 ชนิด และพื้นที่พัฒนาป่าด้วยน้ำฝนตามธรรมชาติเพิ่มเป็น 45 ชนิด
8.3. ความหนาแน่นของต้นไม้ จากเดิมที่มีอยู่ไม่มากกว่า 100 ต้นต่อไร่ เพิ่มคือ ในพื้นที่พัฒนาป่าด้วยระบบชลประทาน 240 ต้นต่อไร่ พื้นที่พัฒนาป่าด้วยฝายต้นน้ำลำธารเป็น 270 ต้นต่อไร่ และพื้นที่พัฒนาป่าด้วยน้ำฝนตามธรรมชาติ 170 ต้นต่อไร่
8.4. โครงสร้างเรือนยอดไม้มีทั้งไม้พื้นล่าง ไม้พุ่ม ไม้ขนาดกลาง และไม้ขนาดสูงกว่า 15 เมตร และมีการทดแทนของพรรณไม้ในระบบ
8.5. มีความหลากหลายทางพรรณพืชและสัตว์ป่า ได้แก่ กล้วยไม้ และนกยูงคืนถิ่นและกระจายทั่วป่า และมีนกประมาณ 122 ชนิด
8.6. เกิดการทับถมและย่อยสลายจากใบไม้ป่าที่มีการร่วงหล่นในแต่ละปีประมาณ 2,000 กิโลกรัม กลายเป็นอินทรียวัตถุในดินประมาณ 3% และมีผิวหน้าดินเพิ่มมากขึ้น 1 เซนติเมตรในรอบ 10 ปี
9. ประสบการณ์จากชุมชนในการก่อสร้างฝายต้นน้ำลำธาร เครื่องมืออันหนึ่งในการฟื้นฟูระบบนิเวศลุ่มน้ำที่เสื่อมโทรมให้กลับมามีความอุดมสมบูรณ์ และสามารถทำหน้าที่เป็นพื้นที่ต้นน้ำลำธารได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งประโยชน์ที่จะเกิดขึ้นกับวิถีชีวิตชุมชนในการที่คนในชุมชนกับการมีส่วนร่วมในการจัดการฝายต้นน้ำลำธาร จากการสรุปบทเรียนโดยการมีส่วนร่วมของชุมชน ดังนี้
ผลที่ได้รับ/ความเปลี่ยนแปลงในแง่ระบบนิเวศน์และเศรษฐกิจครัวเรือนรวมถึงข้อดีของการสร้างฝายต้นน้ำลำธาร ดังนี้
• ฝายต้นน้ำลำธารช่วยชะลอการไหลของน้ำและสร้างความชุ่มชื้นให้เกิดขึ้น สภาพป่า ต้นไม้ พืชพรรณที่มีอยู่ในบริเวณนั้นจะได้รับการฟื้นฟูพัฒนาสภาพป่าต้นน้ำ ก่อให้เกิดความอุดมสมบูรณ์ สามารถเก็บกักซับน้ำเป็นแหล่งเพิ่มพูนความหลากหลายในระบบนิเวศ ทำให้สภาพแวดล้อมของชุมชนมีความชุ่มชื้นยิ่งขึ้น
• เป็นแหล่งเก็บกักน้ำเสมือนเป็นแอ่งเก็บน้ำขนาดเล็กที่อยู่กระจายทั่วในพื้นที่ต้นน้ำ อันเป็นประโยชน์ต่อชุมชนในการใช้ประโยชน์เพื่อการอุปโภคและบริโภค เป็นการป้องกันความแห้งแล้ง
• สภาพป่าที่อุดมสมบูรณ์ และความหลากหลายของระบบนิเวศที่เกิดขึ้น ทำให้เกิดแหล่งอาหารตามธรรมชาติเพื่อการเก็บหาบริโภคและพึ่งพิงป่าได้ ทำให้ชุมชนมีแหล่งอาหารแหล่งเสริมสร้างอาชีพจากการอนุรักษ์ป่า เช่น การเก็บหาผลิตผลจากป่า เห็ด หน่อไม้ เป็นการเสริมสร้างอาชีพ เพิ่มพูนรายได้
• เมื่อฝายสามารถเก็บกักน้ำไว้ได้มากพอ ก็จะเป็นแหล่งกระจายความชุ่มชื้นเข้าสู่พื้นที่ ได้อย่างกว้างขวางได้โดยการใช้ระบบคลองไส้ไก่ คูคลองก้างปลาผันน้ำจากฝายสร้างความอุดมสมบูรณ์ให้แก่ระบบนิเวศธรรมชาติได้มากขึ้น รวมทั้งเป็นแหล่งอาศัยของสัตว์น้ำ ปลา กบ เป็นการเพิ่มพูนความหลากหลาย
• ลดความรุนแรงในการไหลของน้ำ ซึ่งเป็นการป้องกันความเสียหายอันอาจจะเกิดจากการพัดกระแทกจากแรงน้ำหลาก เป็นการช่วยลดภาวะความรุนแรงจากอุทกภัย
• ลดตะกอนหน้าดินที่จะไหลไปทับถม ทำให้แหล่งน้ำด้านล่างตื้นเขิน
• การดักตะกอนหน้าดินไว้หน้าฝายต้นน้ำลำธารเท่ากับเป็นการลดความสูญเสียความอุดมสมบูรณ์ของหน้าดินในพื้นที่ต้นน้ำลำธาร ทำให้ความอุดมสมบูรณ์ยังคงอยู่และเป็นประโยชน์ต่อการฟื้นตัวของระบบนิเวศธรรมชาติและความหลากหลาย
• ตะกอนหน้าฝายต้นน้ำลำธาร ซึ่งเป็นตะกอนความอุดมสมบูรณ์ ชุมชนสามารถขุดลอกเพื่อการบำรุงรักษาฝายต้นน้ำลำธาร และนำไปใช้เป็นดินปุ๋ยธรรมชาติเพื่อการเพาะปลูกพืชได้อีกด้วย
• ชุมชนเกิดความรักสามัคคี มีความสุขใจ มีส่วนร่วมในการรักและหวงแหนทรัพยากรธรรมชาติในชุมชน เกิดระบบการบริหารจัดการป่าชุมชนให้มีความเข้มแข็งและดำเนินกิจกรรมอย่างต่อเนื่อง เช่น การปลูกป่าเสริม การบำรุงรักษาป่า การทำแนวกันไฟ การจัดเวรยามตรวจป่า การสืบชะตาป่าจัดพิธีบวชป่า เป็นต้น
• เป็นแหล่งเรียนรู้ แหล่งอาหาร แหล่งสมุนไพรของคนในชุมชน และคนนอกชุมชน เกิดเครือข่ายการเรียนรู้ และขยายผลการสร้างความเข้าใจเกี่ยวกับการอนุรักษ์การจัดการพื้นที่ลุ่มน้ำด้วยฝายต้นน้ำลำธาร เรียนรู้การใช้ประโยชน์แบบพึ่งพิงป่าได้อย่างเกื้อกูล รวมทั้งเป็นแหล่งเรียนรู้ของเยาวชน เป็นเส้นทางเดินธรรมชาติแก่ผู้มาศึกษาอนุรักษ์ ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เพื่อการปลูกสร้างจิตสำนึก
ทางการดำเนินการต่อไปของชุมชนในการต่อยอดความรู้เรื่องฝาย
• พัฒนารูปแบบของฝายต้นน้ำลำธารให้มีความแข็งแรง มั่นคง อายุการใช้งานยาวนานขึ้น รวมทั้งสร้างฝายเพิ่มขึ้นให้ครอบคลุมพื้นที่
• พัฒนาสถานที่สร้างฝายต้นน้ำลำธาร ให้เป็นแหล่งท่องเที่ยว แหล่งรวบรวมพืชสมุนไพร แหล่งอนุรักษ์พันธุ์สัตว์ป่า เป็นพื้นที่ป่าของชุมชน เป็นค่ายศึกษาธรรมชาติของท้องถิ่น รวมทั้งเป็นศูนย์เรียนรู้การอนุรักษ์ดินและน้ำ พัฒนาให้เป็นแหล่งเรียนรู้การสร้างฝายทั้งในชุมชนและชุมชนอื่น ๆ
• จัดการประชาสัมพันธ์ให้ชุมชนได้รู้วิธีการสร้างฝายอย่างมีส่วนร่วม เข้าใจในการสร้างฝายทั้งภาคทฤษฎีและปฏิบัติ การเรียนรู้แลกเปลี่ยนวิธีการสร้างฝายรูปแบบต่าง ๆ ของแต่ละชุมชน การประชาสัมพันธ์เคลื่อนที่ในรูปแบบต่าง ๆ เช่น วิทยุชุมชน วัด โรงเรียน เป็นต้น รวมทั้งการผลิตสื่อเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ เช่น แผ่นพับ โปสเตอร์ วีดีทัศน์ (ซีดี) เป็นต้น
• ประสานงานกับองค์กร ทั้งภาครัฐ เอกชน และชุมชน ในการดำเนินกิจกรรมการสร้างฝายอย่างต่อเนื่องให้ครอบคลุมทุกพื้นที่
ข้อคิดเห็นและข้อเสนอแนะของชุมชนสำหรับงานสร้างฝาย
• การสร้างฝายควรพิจารณาถึงวัสดุท้องถิ่นที่เหมาะสมกับพื้นที่ และศึกษารูปแบบของฝายให้เกิดความเหมาะสมในแต่ละพื้นที่ เช่น ไม่ควรมีการตัดไม้สดมาใช้ในการสร้างฝาย หรือในบางพื้นควรมีการนำวัสดุเหลือใช้ต่าง ๆในท้องถิ่น มาประยุกต์ใช้ให้เหมาะสม สร้างฝายให้มีอายุการใช้งานนานขึ้น
• มีการวางแผนการดำเนินการก่อสร้างฝาย เช่น ความต้องการของชุมชน ช่วงฤดูกาลในการก่อสร้าง ความสอดคล้องของฝายกับธรรมชาติ การจัดเก็บข้อมูล สถิติฝาย ทั้งก่อนและหลังการสร้างฝาย ตลอดจนการเปลี่ยนแปลงของพื้นที่ งบประมาณในการสร้างฝาย การประสานงานกับหน่วยงานภาครัฐ เป็นต้น
• มีการดูแล บำรุงรักษา ฝายที่สร้างแล้วเสร็จ จัดหางบประมาณในการซ่อมแซมฝาย การจัดภูมิทัศน์ ให้เกิดการพัฒนาอย่างต่อเนื่องและยั่งยืน
• จัดตั้งและพัฒนาศักยภาพ กลุ่ม คณะกรรมการ องค์กร เครือข่าย ในการดูแลฝาย โดยเน้นการมีส่วนร่วมของชุมชน ทั้งผู้นำชุมชน เยาวชน เพื่อที่ชุมชนจะเป็นผู้ดูแลรักษาฝายและดำเนินกิจกรรมต่าง ๆ อย่างต่อเนื่อง และขยายองค์ความรู้จากรุ่นสู่รุ่นต่อไป
12. ผลสำเร็จของการทำฝายต้นน้ำลำธาร (Check Dam) ในพื้นที่ของประชาชนผลสำเร็จจากการพัฒนาพื้นที่โดยใช้รูปแบบการทำฝายต้นน้ำลำธาร (Check Dam) จากศูนย์ศึกษาการพัฒนาห้วยฮ่องไคร้อันเนื่องมาจากพระราชดำริ ไปฟื้นฟูป่าต้นน้ำในพื้นที่ลุ่มน้ำต่าง ๆ ดังกล่าวข้างต้น ทำให้พื้นที่ลุ่มน้ำที่แห้งแล้งกลายเป็นแหล่งชุ่มชื้น ป่าต้นน้ำกลับคืนสู่ความอุดมสมบูรณ์ ทำให้ชุมชนมีน้ำใช้ในหมู่บ้านได้อย่างพอเพียง สรุปโดยรวมผลสำเร็จจากการทำฝายต้นน้ำลำธารของชุมชนในพื้นที่สามารถทำให้พื้นที่มีการพัฒนาและก่อให้เกิดประโยชน์ต่อชุมชน คือ
1. ชุมชนสามารถกักเก็บน้ำและสามารถนำน้ำที่จัดเก็บไว้จากการสร้างฝายต้นน้ำลำธารมาใช้เพื่อการเกษตรและอุปโภคบริโภคได้
2. พื้นที่ป่ารอบ ๆ บริเวณที่สร้างฝายต้นน้ำลำธาร เริ่มอุดมสมบูรณ์ป่ามีความชุ่มชื้นตลอดปีมีความหลากหลายทางชีวภาพเพิ่มขึ้น
3. ความหลากหลายทางชีวภาพที่เพิ่มขึ้นทำให้ชุมชนมีแหล่งอาหาร เช่น เห็ด หน่อไม้ บอน ปู เขียด กบ ปลา และสมุนไพรต่าง ๆ ส่งผลให้ความเป็นอยู่ของชุมชนดีขึ้น
4. ชุมชนมีการจัดตั้งโครงการป่าชุมชนเพื่ออนุรักษ์ป่าต้นน้ำ และจัดตั้งกฎระเบียบอนุรักษ์ป่าในหมู่บ้าน ซึ่งเกิดจากการรวมกลุ่มของชาวบ้านเอง
5. ชุมชนมีการจัดตั้งระบบการบริหารและจัดการป่าชุมชนให้มีความเข้มแข็ง และดำเนินกิจกรรมอย่างต่อเนื่อง เช่น การปลูกเสริมป่า การบำรุงรักษาป่า การทำแนวกันไฟ การจัดเวรยามตรวจป่า การสืบชะตาป่า จัดพิธีบวชป่า เป็นต้น
6. ชุมชนมีการจัดตั้งกลุ่มเครือข่ายลุ่มน้ำและเครือข่ายอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ เพื่ออนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และเรียนรู้การใช้ประโยชน์แบบพึ่งพิงป่าได้อย่างเกื้อกูล
7. เป็นแบบอย่างในการเรียนรู้ของชุมชนใกล้เคียง ได้ศึกษาผลการฟื้นฟูป่าต้นน้ำลำธารในพื้นที่ ส่งผลสำเร็จให้ได้รับรางวัลระดับประเทศซึ่งเป็นรางวัลชนะเลิศที่หนึ่งโครงการป่าชุมชน เช่นที่บ้านเสริมกลาง อำเภอเสริมงาม จังหวัดลำปาง จากรายการโลกสีเขียว ของช่อง 9 อ.ส.ม.ท.
8. ชุมชนสามารถพัฒนาพื้นที่จัดตั้งค่ายสิ่งแวดล้อมศึกษาให้เยาวชนและผู้สนใจ ได้เข้าไปเรียนรู้ในด้านการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติล้อมสิ่งแวดล้อม เช่นที่บ้านป่าสักงาม ตำบลลวงเหนือ อำเภอดอยสะเก็ด จังหวัดเชียงใหม่ โดยชุมชนเป็นวิทยากรบรรยายให้ความรู้
9. เป็นห้องเรียนธรรมชาติ เป็นเส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติและเป็นแหล่งข้อมูลการจัดการป่าชุมชน ป่าสมุนไพร แก่ผู้ที่มาศึกษาเช่นที่บริเวณป่าห้วยไถ บ้านดอนมูล ตำบลบ้านปวง อำเภอทุ่งหัวช้าง จังหวัดลำพูน
10. ชุมชนมีความตั้งใจและพร้อมใจที่จะพัฒนาป่าต้นน้ำและลุ่มน้ำของตนให้เป็นแหล่งอาหาร แหล่งสมุนไพร และแหล่งเรียนรู้ โดยอาศัยภูมิปัญญาของชาวบ้านในการจัดการแหล่งต้นน้ำลำธารให้เป็นมรดก ตกทอดสู่เยาวชนรุ่นหลังต่อไป |